เพราะสายตาหลอกกันไม่ได้ : แอพฯ ดูหนังฟรี MoviePass ปรับสู่เวอร์ชั่น 2.0 ที่เน้นร่วมมือกับวงการโฆษณา
หลายคนอาจเคยชินกับการพบเจอวิดีโอโฆษณาตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะระหว่างเล่นเกม ดูวิดีโอ ใช้แอปพลิเคชัน (โดยเฉพาะแบบฟรี) หรือระหว่างเล่นโซเชียลมีเดีย ซึ่งสิ่งที่หลายคนเลือกทำเมื่อต้องเจอกับโฆษณาบนโลกออนไลน์ก็คือการหันไปสนใจอย่างอื่นที่น่าสนใจมากกว่า และรอเวลาให้วิดีโอโฆษณาเหล่านั้นจบไป (หรือจนกว่าจะกดข้ามได้) ผลคือแม้ว่าจะมีการนับยอดวิวจากการเริ่มเล่นของโฆษณา แต่เนื้อหาวิดีโอกว่า 70 เปอร์เซ็นที่ถูกผลิตออกมานั้นไม่ได้ถูก “ดู” จริง ๆ สิ่งนี้จึงกลายเป็นโจทย์สำคัญของเหล่านักโฆษณาทั้งหลายว่าจะทำอย่างไรให้คนอยากดูโฆษณามากขึ้น
©Ion Fet/Unsplash
หากย้อนไปสัก 10 ปี สำหรับหลาย ๆ คน เทคโนโลยีการเรียนรู้จดจำใบหน้า (Facial Recognition) หรือเทคโนโลยีการตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตา (Eye Tracking Technology) อาจจะดูเป็นอะไรที่เกินจินตนาการหรือเป็นไอเดียที่ดูหลุดออกมาจากหนังไซไฟ แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้นผ่านการใช้สมาร์ตโฟน ตั้งแต่การช่วยตรวจสอบรูปภาพว่าใครเป็นใครพร้อมกับช่วยแท็กเพื่อน ๆ บนเฟสบุ๊กให้อัตโนมัติ การทำหน้าที่แทนการกดรหัสต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่การใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกในการยืนยันตัวตนสำหรับการทำธุรกรรมสำคัญ ๆ ซึ่ง MoviePass สตาร์ทอัพจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่คลุกคลีอยู่ในวงการภาพยนตร์ก็ได้เล็งเห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีเหล่านี้ และหยิบจับนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างน่าสนใจ พร้อมกับการกลับมาอีกครั้งด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชัน MoviePass 2.0
©Aleksandra Sapozhnikova/Unsplash
หลายคนอาจจะรู้จัก MoviePass จากบริการดูหนังแบบเหมาจ่ายที่มีเหตุให้ต้องปิดตัวลงไปในปี 2019 โดยโมเดลธุรกิจที่เป็นที่ฮือฮาในตอนนั้นคือการให้บริการ “ดูหนังแบบไม่อั้น” ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถดูหนังเรื่องอะไรก็ได้ที่โรงภาพยนตร์วันละ 1 เรื่องตลอดทั้งเดือน แต่ด้วยปัญหาทางด้านการเงินที่เกิดขึ้น จึงทำให้บริษัทไม่สามารถไปต่อได้ ซึ่งการกลับมาอีกครั้งในรอบนี้ สเตซี สไปคส์ (Stacy Spikes) ผู้ร่วมก่อตั้งได้ออกมากล่าวว่า MoviePass 2.0 จะเป็นบริการแห่งยุค AI ที่มาในรูปแบบแอพพลิเคชันสไตล์เว็บ 3.01 โดยผู้ใช้สามารถรับเครดิตซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับสกุลเงินดิจิทัล และทำการสะสมเครดิตเหล่านั้นเพื่อนำไปใช้แลกชมภาพยนตร์เรื่องที่ต้องการได้ผ่านการรับชมโฆษณานั่นเอง ส่วนตัวแอพฯ ก็มีการใช้ระบบตรวจจับใบหน้าและการเคลื่อนไหวของดวงตาเพื่อดูว่าผู้ใช้กำลังดูโฆษณาอยู่จริง ๆ ซึ่งโฆษณาจะหยุดเล่นเมื่อผู้ใช้มองไปที่อื่น และจะกลับมาเล่นอีกครั้งเมื่อผู้ใช้กลับมามองที่หน้าจอ สไปคส์ให้ความเป็นว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ระบบการโฆษณามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และได้ประโยชน์ทั้งจากฝั่งผู้ชมและฝั่งผู้ผลิตโฆษณา เนื่องจากผู้ชมจะได้ดูโฆษณาที่ถูกคัดมาตามความสนใจและปรับให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนจริง ๆ พร้อมกับรับเครดิตที่สามารถนำไปซื้อสินค้าและบริการบนแอพฯ ได้ ขณะที่ทางฝั่งนักโฆษณาก็ได้ส่งต่อสิ่งที่อยากเล่าไปถึงกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ ได้นั่นเอง
©Hanny Naibaho/Unsplash
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องการยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของแอพพลิเคชันต่าง ๆ นั้นยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และผู้ใช้หลายคนก็ยังรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยกับการมอบข้อมูลเหล่านี้ให้ไปใช้ในเชิงธุรกิจ ซึ่งแอพพลิเคชัน MoviePass 2.0 นี้คาดว่าจะเปิดให้ได้ใช้งานกันในช่วงเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ และคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่าผู้คนจะให้การตอบรับอย่างไร
1Web 3.0 แนวคิดของอินเทอร์เน็ตที่เน้นการทำงานแบบไม่รวมศูนย์ มีพื้นฐานมาจากเทคโนโลยีบล็อกเชน
ที่มา : บทความ “MoviePass 2.0 Wants to Track Your Eyeballs to Make Sure You Watch Ads” โดย Matthew Gault จากvice.com
เรื่อง : ณัฐชา ตะวันนาโชติ